บอลอังกฤษ เมื่อพูดถึงลีกฟุตบอลที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลก หนึ่งในนั้นต้องมี ลีคอังกฤษ ลีกฟุตบอลอังกฤษรวมอยู่ในนั้นด้วย
ซึ่งคนอังกฤษได้ชื่อว่ามีความชื่นชอบจนถึงขั้นคลั่งไคล้กีฬาฟุตบอลอย่างมาก และบอลอังกฤษก็มีประวัติความเป็นมาที่ยาวนานและมีความน่าสนใจหลายอย่าง
วันนี้เราจะพาคุณไปเรียนรู้ประวัติศาสตร์ ประวัติ ฟุตบอลอังกฤษ ความเป็นมาและรายละเอียดต่างๆ ของกีฬาฟุตบอลในประเทศอังกฤษกัน พรีเมียร์ลีก, แชมเปี้ยนชิพ อังกฤษ, ลีกวันอังกฤษ, ลีก ทู อังกฤษ, และ เนชันนัลลีก
เลือกอ่านหัวข้อที่ต้องการ
ประวัติ ฟุตบอลอังกฤษ
มีหลักฐานหลายอย่างที่แสดงให้เห็นว่ากีฬาฟุตบอลเป็นกีฬาที่มีการเล่นมานานกว่า 3,000 ปี
แต่สำหรับจุดเริ่มต้นประวัติศาสตร์ของฟุตบอลสมัยใหม่นั้น เริ่มต้นที่บอลอังกฤษ ซึ่งฟุตบอลรูปแบบแรกๆ ที่เล่นในอังกฤษจะเรียกกันว่า Mob football ที่เล่นกันในเมืองหรือระหว่างหมู่บ้านใกล้เคียง โดยไม่มีการจำกัดจำนวนผู้เล่นทั้งสองฝ่าย
กล่าวคือ แต่ละทีมจะมีจำนวนผู้เล่นเท่าไหร่ก็ได้ ส่วนลูกฟุตบอลนั้นทำมาจากกระเพาะของสัตว์ที่ใส่ลมเข้าไปให้พองตัว
การเล่นกีฬาประเภทนี้มักเล่นกันในช่วงเทศกาลที่สำคัญทางศาสนา อย่างเช่น เทศกาลคริสต์มาส หรือ อีสเตอร์ เป็นต้น
ซึ่งเกมฟุตบอลในยุคนี้อีกประเภทหนึ่งที่เป็นที่รู้จักกันมาก ก็คือ ฟุตบอล Shrovetide (Shrovetide Football) โดยเป็นเกมฟุตบอลในยุคกลางที่ยังมีมาให้เห็นในยุคปัจจุบัน นับตั้งแต่จุดเริ่มต้นในยุคศตวรรษที่ 12 หรือเมื่อประมาณปี ค.ศ. 1174 – 1183 ในสมัยของเฮนรี่ที่ 2
ซึ่งเกมฟุตบอลประเภทนี้เป็นกิจกรรมที่เยาวชนอังกฤษในยุคนั้นมีส่วนร่วมกันอย่างกระตือรือร้นในระหว่างเทศกาล Shrove Tuesday
เรื่องเล่าที่เป็นที่มาของประเพณีการแข่งขันฟุตบอลนี้ ออกจะฟังดูน่ากลัวอยู่สักหน่อยตรงที่มีความเชื่อกันว่า แต่เดิมลูกบอลที่ใช้เล่นกันในเกมนั้น เป็นศีรษะที่ถูกตัดออกแล้วโยนเข้าไปในกลุ่มฝูงชนที่รออยู่หลังการประหารชีวิต
ซึ่งฟุตบอล Shrovetide ที่เป็นการเตะฟุตบอลกันระหว่างเมือง 2 ทีมในเมืองนั้น ได้รับการกล่าวถึงว่าเป็นจุดกำเนิดของเกมดาร์บี้ท้องถิ่นที่หมายถึง การแข่งขันฟุตบอลของสองทีมที่อยู่ในเมืองเดียวกัน
มีหลักฐานที่เป็นลายลักษณ์อักษรที่กล่าวถึงการแข่งขันฟุตบอลในอังกฤษที่เกิดขึ้นในราวปี ค.ศ. 1170 เมื่อวิลเลียม ฟิตซ์สตีเฟน เขียนถึงการมาเยือนลอนดอนของเขาว่า
หลังอาหารเย็น เยาวชนทุกคนในเมืองออกไปที่สนามกีฬาเพื่อชมเกมฟุตบอลยอดนิยม วิลเลียม ฟิตซ์สตีเฟน
และยังกล่าวอีกว่า ผู้ใหญ่และคนร่ำรวยหลายคนก็ขี่ม้ามาดูการแข่งขันของนักกีฬารุ่นเยาว์เหล่านี้ ซึ่งเป็นการยืนยันได้เป็นอย่างดีว่าคนอังกฤษนั้นมีความชื่นชอบกับกีฬาชนิดนี้มากแค่ไหน
ในปี ค.ศ. 1314 พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 2 ได้กล่าวถึงฟุตบอลว่า การเตะฟุตบอลเป็นสาเหตุของความวุ่นวายต่างๆ โดยเฉพาะในเกมใหญ่ที่มีรูปแบบการแข่งขันที่ดุเดือด
นอกจากนี้เกมฟุตบอลที่เตะกันในน็อตติงแฮมเชอร์ในศตวรรษที่ 15 มีรูปแบบที่ดูเหมือนกับมีการจัดตั้งสมาคมฟุตบอลขึ้นมา และมีการแข่งขันฟุตบอลแบบทีมในโรงเรียน ส่วนในศตวรรษที่ 16 ก็มีการกล่าวถึงการจัดตั้งทีมฟุตบอลและการจัดตั้งผู้ตัดสิน
ในช่วงศตวรรษที่ 19 ได้มีการจัดตั้งกฎกติกาในการเล่นฟุตบอลของโรงเรียนหลายแห่งในอังกฤษโดยเริ่มจากโรงเรียน Rugby ที่มีการตีพิมพ์กฎกติกาในการเล่นฟุตบอลออกมาในปี ค.ศ. 1845 และวิทยาลัย Eton ที่มีการตีพิมพ์ครั้งแรกในปี ค.ศ. 1847
นอกจากนี้ก็ยังมีทีมฟุตบอลจากโรงเรียนอื่นๆ ที่มีการจัดการแข่งขันฟุตบอลของตนเองจึงทำให้มีกฎกติกากลางในการแข่งขันที่รู้จักกันโดยทั่วไปว่า กฎของเคมบริดจ์ ที่มีการสร้างขึ้นมาจากมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ระหว่างช่วงเวลาที่ ค.ศ. 1830 และ 1860
ต่อมาในช่วงครึ่งหลังของศตวรรษที่ 19 วัฒนธรรมของสโมสรฟุตบอลเริ่มเป็นที่นิยม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในลอนดอนและเชฟฟิลด์
ทำให้มีการก่อตั้งสโมสรฟุตบอลเชฟฟิลด์ (Sheffield F.C.) ขึ้นในปี ค.ศ. 1857 ที่ได้รับการยอมรับว่าเป็นสโมสรฟุตบอลอิสระที่เก่าแก่ที่สุดในโลก
และหลังจากที่สโมสรได้ทำการตีพิมพ์กฎกติกาการเล่นฟุตบอลของตนออกมาครั้งแรกในปี ค.ศ. 1859 ก็ได้มีการนำไปใช้ในการแข่งขันฟุตบอลระดับสโมสรในเมืองต่างๆ โดยเรียกกติกาฟุตบอลดังกล่าวว่า กฎของเชฟฟิลด์
และต่อมาเชฟฟิลด์เองก็เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันฟุตบอลที่มีหลายทีมเข้าร่วมแข่งขันเป็นรายการแรกของโลกที่มีชื่อเรียกว่า Youdan Cup ในปี ค.ศ. 1867
กฎของเชฟฟิลด์มีอิทธิพลอย่างมากต่อการพัฒนาเกมฟุตบอลสมัยใหม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งแนวคิดของกติกาการเตะมุมและการเตะโทษเมื่อมีการทำฟาล์ว
สมาคมฟุตบอลอังกฤษ
ในปี ค.ศ. 1863 ได้มีการก่อตั้งสมาคมฟุตบอล (Football Association) หรือที่เรียกกันว่า FA สมาคมฟุตบอลอังกฤษ ขึ้นมา โดยในช่วงแรกนั้นก็ยังก้าวไม่พ้นอิทธิพลของสโมสรฟุตบอลในลอนดอน
ก่อนที่จะเริ่มมีอำนาจของตนเองและได้รับการยอมรับไปทั่วประเทศอังกฤษ ที่เห็นได้จากการจัดการแข่งขันฟุตบอลเอฟเอคัพ ที่เริ่มต้นแข่งขันกันครั้งแรกในฤดูกาล 1871 – 1872 และต่อมาก็มีการแข่งขันระหว่างสองทีมชาติเป็นครั้งแรกของอังกฤษและสกอตแลนด์ ซึ่งจบลงด้วยสกอร์ 0-0 และตามมาด้วยผู้คน 4,000 คนที่ Hamilton Crescent
ในช่วงแรกของการก่อตั้งสโมสรฟุตบอลในอังกฤษ ยังคงมีการผสมผสานกันระหว่างทีมฟุตบอลมืออาชีพและมือสมัครเล่น แต่หลายสโมสรมีความกระตือรือร้นที่จะนำนักฟุตบอลมืออาชีพมาเล่น ในขณะที่อีกหลายแห่งยังยึดติดกับค่านิยมเดิมในการใช้นักฟุตบอลมือสมัครเล่นในการทำทีม
จนในที่สุดในปี ค.ศ. 1885 ทาง FA ก็ได้ให้การรับรองการเล่นฟุตบอลอาชีพ ซึ่งหลังจากนั้น William McGregor ผู้อำนวยการของสโมสร Aston Villa ได้จัดการประชุมตัวแทนของสโมสรชั้นนำของอังกฤษ ที่นำไปสู่การก่อตั้ง Football League ในปี ค.ศ. 1888
และสโมสรแรกที่สามารถคว้าแชมป์ในการแข่งขันบอลอังกฤษแบบมืออาชีพนี้ ก็คือ Preston North End ในฤดูกาล 1888 –1889 และยังเป็นสโมสรแรกที่ได้ดับเบิ้ลแชมป์ทั้งลีกและเอฟเอคัพ อีกด้วย
ประวัติศาสตร์บอลอังกฤษสมัยใหม่เริ่มต้นในปี ค.ศ. 1992 ที่เรียกว่าเป็นยุคพรีเมียร์ลีก โดยมีการจัดโครงสร้างใหม่ โดยดิวิชั่นที่ 2 3 และ 4 ได้เปลี่ยนชื่อเป็นดิวิชั่นที่ 1 2 และ 3 ตามลำดับ
โดยลีกสูงสุดคือ พรีเมียร์ลีก ที่มีทีมเข้าร่วมทั้งหมด 20 ทีม มีผลบังคับใช้ในฤดูกาล 1992 – 93 โดยแชมป์แรกตกเป็นของสโมสรแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ซึ่งยุติการรอคอยแชมป์ดิวิชั่นสูงสุดมา 26 ปี ขณะที่แอสตัน วิลล่ามาเป็นอันดับ 2 และนอริชซิตี้เป็นอันดับ 3
สโมสรในพรีเมียร์ลีกประสบความสำเร็จมากขึ้นในการดึงดูดผู้เล่นต่างชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ตั้งแต่การยกเลิกข้อจำกัดในการจัดหาผู้เล่นจากประเทศตลาดทั่วไปในช่วงกลางปี 1990
ระบบลีกฟุตบอลอังกฤษ
รูปแบบการแข่งขัน – การแข่งขันในรูปแบบของบอลอังกฤษนั้น เป็นระบบการแข่งขันแบบพบกันหมด โดยแบ่งออกเป็นทีมเหย้าและทีมเยือน ในการแข่งขันแต่ละครั้งหากทีมชนะจะได้คะแนน 3 คะแนน ทีมที่เสมอจะได้ 1 คะแนน ส่วนทีมที่แพ้จะไม่ได้คะแนน
ในแต่ละฤดูกาลแต่ละทีมต้องทำการแข่งขันเพื่อเก็บคะแนนจนเมื่อสิ้นสุดฤดูกาล ทีมที่มีคะแนนสูงสุดก็จะได้แชมป์ของลีก ซึ่งหากเป็นลีกที่ไม่ใช่ลีกอันดับ 1 อย่างพรีเมียร์ลีก ทีมที่ได้อันดับ 1 ถึง 3 จะได้รับสิทธิ์ในการเลื่อนชั้นขึ้นไปเล่นในลีกที่สูงขึ้น ส่วนทีมที่มีอันดับต่ำสุดในลำดับท้ายตารางจะตกชั้นลงไปเล่นในลีกที่ต่ำลงไป
ทำไมการเพลย์ออฟเลื่อนชั้นของลีกรองอังกฤษถึงทำเงินได้มากกว่าแชมป์ยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก?
ในระดับพรีเมียร์ลีก ทีมที่ได้อันดับดีที่สุด 4 อันดับแรกจะได้รับสิทธิ์ไปเล่นในยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก โดย 3 ทีมแรกจะเข้าไปรอแข่งขันในรอบแบ่งกลุ่มโดยอัตโนมัติ ในขณะที่ทีมที่อยู่ในอันดับที่ 4 จะต้องเข้าไปแข่งรอบเพลย์ออฟเสียก่อนอีกทีหนึ่ง ส่วนทีมที่ได้อันดับที่ 5 จะได้สิทธิ์ในการไปแข่งขันฟุตบอลยูฟ่า คัพ
โครงสร้างฟุตบอลอังกฤษ
โครงสร้างฟุตบอลอังกฤษ ที่คุณฟังเเล้วจะตกใจ | ตัวเทพฟุตบอล
ลีกอังกฤษ มีกี่ลีก
ฟุตบอลอังกฤษ มีกี่ลีก, ลีกฟุตบอลอังกฤษ มีอะไรบ้าง, ลีคอังกฤษ มีอะไรบ้าง – สิ่งหนึ่งที่ทำให้บอลอังกฤษ (English Football League) ได้รับความนิยมอย่างมากในโลก ก็เนื่องมาจากการจัดการแข่งขันในระบบลีกที่เป็นมาตรฐาน โดยสโมสรฟุตบอลในอังกฤษเกือบทั้งหมดต้องอยู่ในระบบลีกที่เป็นมาตรฐานนี้ที่จะมีความเกี่ยวโยงกันในการเลื่อนชั้นและการตกชั้น
ลีกบอลอังกฤษแต่ละลีกจะมีชื่อเป็นของตนเอง ประกอบไปด้วยรายละเอียดดังต่อไปนี้
1. พรีเมียร์ลีก (Premier League)
พรีเมียร์ลีกอังกฤษ เป็นลีกการแข่งขันสูงสุดของบอลอังกฤษ ประกอบไปด้วยทีมฟุตบอลทั้งหมด 20 ทีม ในแต่ละฤดูกาลจะมีทีมตกชั้น 3 ทีม
การแข่งขันในแต่ละฤดูกาลเริ่มต้นในเดือนสิงหาคม ถึง พฤษภาคม ซึ่งพรีเมียร์ลีกนั้นได้ชื่อว่าเป็นลีกที่ได้รับความนิยมมากที่สุดและมีผู้เข้าชมการแข่งขันมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก
2. แชมเปี้ยนชิพ อังกฤษ (EFL Championship)
เดอะแชมเปียนชิพ อังกฤษ หรือ Sky Bet Championship เรียกกันสั้นๆ ว่า แชมเปี้ยนชิพ เป็นลีกฟุตบอลระดับ 2 ของอังกฤษรองลงมาจากพรีเมียร์ลีก ประกอบไปด้วยทีมฟุตบอลทั้งหมด 24 ทีม ซึ่งทีมที่ได้แชมป์และรองแชมป์จะได้เลื่อนชั้นขึ้นไปเล่นพรีเมียร์ลีกโดยอัตโนมัติ
เลื่อนชั้น 3 ทีม, ตกชั้น 3 ทีม
ส่วนทีมที่ได้ที่ 3 ถึงที่ 6 จะได้สิทธิ์ในการเล่นเพลย์ออฟที่จะมีโอกาสเลื่อนชั้นขึ้นไปเล่นพรีเมียร์ลีกอีก 1 ทีม
ส่วน 3 ทีมท้ายตารางของพรีเมียร์ลีกจะต้องลงมาเล่นใน บอลแชมเปียนชิพ อังกฤษ แทนทั้ง 3 ทีมที่เลื่อนชั้นขึ้นไปเล่นลีกอันดับ 1
3. ลีกวันอังกฤษ (EFL League One)
ลีก วัน อังกฤษ หรือ Sky Bet League One ที่เรียกกันว่า ลีกวัน เป็นฟุตบอลลีกอันดับ 3 ของอังกฤษ โดยก่อนหน้านี้มีชื่อเรียกว่า ฟุตบอลลีกเซคันด์ดิวิชัน มีทีมฟุตบอลทั้งหมด 24 ทีม
เลื่อนชั้น 3 ทีม, ตกชั้น 4 ทีม
บอลอังกฤษลีกวัน เมื่อแข่งจบฤดูกาลจะมีทีมที่ได้เลื่อนชั้น 3 ทีม และทีมที่ตกชั้น 4 ทีม ทีมที่เป็นแชมป์และรองแชมป์จะได้รับสิทธิ์ในการเลื่อนชั้นขึ้นไปเล่นแชมเปี้ยนชิพ
ส่วนทีมอันดับ 3 ถึงอันดับ 6 จะต้องไปเล่นเพลย์ออฟเพื่อให้ได้สิทธิ์เลื่อนชั้นขึ้นไปเล่นในลีกที่สูงกว่าเช่นเดียวกัน
4. ลีก ทู อังกฤษ (EFL League Two)
ลีกทูอังกฤษ หรือ Sky Bet League Two เรียกกันว่า ลีกทู เป็นลีกฟุตบอลอันดับ 4 ของฟุตบอลอังกฤษ แต่เดิมมีชื่อเรียกกันว่า ดิวิชั่น 4 อังกฤษ
หรือกล่าวได้ว่า เป็นลีกระดับล่างสุดในระบบฟุตบอลระดับอาชีพ
เลื่อนชั้น 4 ทีม, ตกชั้น 2 ทีม
มีทีมฟุตบอลที่เข้าร่วมแข่งขันทั้งหมด 24 ทีม เมื่อแข่งจบฤดูกาลทีมที่มีโอกาสเลื่อนชั้นจะมีทั้งหมด 4 ทีม และ ตกชั้น 2 ทีม
5. เนชันนัลลีก (National League)
บอลอังกฤษ คอนเฟอเรนซ์ หรือ Vanarama National League เป็นการแข่งขันฟุตบอลระดับกึ่งอาชีพของอังกฤษ
หรือกล่าวได้ว่า เป็นลีกอันดับที่ 5 ของระบบฟุตบอลอังกฤษ
เลื่อนชั้น 2 ทีม, ตกชั้น 4 ทีม
ซึ่งมีทีมที่เข้าร่วมการแข่งขันทั้งหมด 24 ทีม เมื่อจบฤดูกาลจะมีทีมที่ได้เลื่อนชั้น 2 ทีม และทีมตกชั้น 4 ทีม ทีมที่ได้เลื่อนชั้นจะได้ขึ้นไปเล่นในลีกทู
ทั้งนี้ ลีกฟุตบอลของอังกฤษ ยังมีรายละเอียดที่ลึกลงไปมากกว่า 5 ระดับ ที่กล่าวถึงข้างต้นอีก เช่น ระดับถัดลงไป คือ National League North และ National League South ซึ่งแต่ละฝั่งจะประกอบด้วยทีมฟุตบอล 22 ทีม เลื่อนชั้น 2 ทีม, ตกชั้น 3 ทีม เป็นต้น
จากประวัติศาสตร์ความเป็นมาที่ยาวนานของฟุตบอลอังกฤษนั้น ก็ทำให้คนอังกฤษมีความผูกพันและคลั่งไคล้กีฬาชนิดนี้จนแทบจะเรียกได้ว่าอยู่ในสายเลือด และจะเห็นได้ว่าบอลอังกฤษได้มีการจัดระบบการแข่งขันที่มีมาตรฐานเป็นของตนเองค่อนข้างสูง
ทีมฟุตบอลดังๆ มากมายต่างก็อยู่ในระบบลีกดังกล่าว ที่จะมีการแข่งขันกันอย่างดุเดือดเพื่อการเลื่อนชั้นและหนีการตกชั้น รวมถึงการคว้าแชมป์ที่เส้นทางในแต่ละฤดูกาลนั้นไม่เคยง่ายเลย
โดยปราศจากข้อสงสัยใดๆ บอลอังกฤษเป็นหนึ่งในลีกที่ได้รับความนิยมมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก
1 Comment
ขอบคุณครับ บทความน่าอ่าน รูปภาพสวยงาม
ขอพรีเมียร์ลีก ด้วยนะครับ